ความหมาย
คำว่า “วัฒนธรรม” มาจากคำสองคำ คำว่า “วัฒน” จากคำศัพท์ วฑฺฒน” ในภาษาบาลี หมายถึงความเจริญ ส่วนคำว่า “ธรรม” มาจากคำศัพท์ “ธรฺม” ในภาษาสันสกฤต หมายถึงความดี เมื่อนำสองคำมารวมกันจึงได้คำว่า “วัฒนธรรม” หมายถึงความดีอันจะก่อให้เกิดความงอกงามที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
วัฒนธรรม หมายถึง ( น. ) สิ่งที่นำความเจริญงอกงามให้แก่หมู่คณะ เช่นวัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมในการแต่งกาย, วิถีชีวิตของหมู่คณะเช่น วัฒนธรรมพื้นบ้านวัฒนธรรมชาวเขา
วัฒนธรรม หมายถึง สิ่งที่มนุษย์ในแต่ละสังคมได้สร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่ออำนวย
ความสะดวกในการดำเนินชีวิต หรือสนองความต้องการของสังคมและได้ถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ปฏิบัติสืบต่อกันไป โดยได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในสังคม
วัฒนธรรม คือ ลักษณะที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความ
กลมเกลียวก้าวหน้าของชาติ และศีลธรรมอันดีของประชาชน
ภูมิปัญญา หมายถึง [พูม–] น. พื้นความรู้ความสามารถ.
ภูมิปัญญา ตรงกับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Wisdom หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะความเชื่อ และศักยภาพในการแก้ปัญหาของมนุษย์ที่สืบทอดกันมาจากอดีตถึงปัจจุบันอย่างไม่ขาดสายและเชื่อมโยงกันทั้งระบบทุกสาขา
ภูมิปัญญา หมายถึง ความรู้ ทักษะ ความเชื่อ และพฤติกรรมของคนไทย โดยแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติ การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของบุคคล ชุมชนและสังคม ตลอดจนพื้นฐานความรู้เรื่องต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
ภูมิปัญญาไทย หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะและเทคนิคการตัดสินใจ ผลิตผลงานของบุคคล อันเกิดจากการสะสมองค์ความรู้ทุกด้านที่ผ่านกระบวนการสืบทอด พัฒนาปรับปรุง และเลือกสรรมาแล้วเป็นอย่างดีสามารถแก้ไขปัญหา และพัฒนาวิถีชีวิตของคนไทยได้อย่างเหมาะสมกับยุคสมัย
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา
1. สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
กรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่ม มีมีน้ำไหลผ่าน 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก
และแม่น้ำลพบุรี มีฝนตกเสมอ ทำให้เหมาะแก่การเพาะ การค้าขาย และการดำเนินชีวิตของชาวอยุธยา
จึงส่งเสริมให้มีการคิดค้นภูมิปัญญาต่าง ๆ ขึ้นมา เช่น บ้านเรือนที่มีใต้ถุนสูง หลังคาทรงแหลม บริโภคอาหารด้วยมือ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นต้น
2. ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม
อยุธยาปกครองแบบสังคมศักดินา ประกอบด้วยชนชั้นมูลนาย และชนชั้นไพร่ มีการนับถือ
พระพุทธศาสนารวมทั้งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาเกี่ยวกับการควบคุมกำลังคนให้เป็นระเบียบเพื่อควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยใช้กุศโลบายทางศาสนาเป็นเครื่องมืออบรมสั่งสอนผู้คน
3. การรับอิทธิพลจากภายนอก
การที่อยุธยาติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ จึงมีโอกาสได้เรียนรู้ภูมิปัญญาของชนชาติเหล่านั้น
และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับคนในสมัยนั้น เช่น อารยธรรมอินเดีย อยุธยาได้นำรูปแบบ
การปกครองแบบเทวราชา ที่เชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือเทพเจ้าจุติลงมาปกครองประชาชน โดยอยุธยารับมาจากเขมรซึ่งรับมาจากอินเดีย อารยธรรมจีน มีการติดต่อค้าขายในลักษณะของการส่งเครื่องราชบรรณาการหรือ จิ้มก้อง
ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยในการสร้างรูปแบบการปกครองให้เหมาะสม
การปกครองจะต้องมีกษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองบ้านเมือง ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู มาจากเขมรซึ่งเขมรรับต่อมาจากอินเดียโดยไทยเรียกเป็นสมมติเทพ มีการวางระเบียบกฎเกณฑ์ ต่าง ๆ เกี่ยวกับความสำคัญของพระมหากษัตริย์ เช่น จัดให้มีที่ประทับสูงกว่าคนอื่น ๆ
มีการสร้างพระราชวังและภายในพระราชวังจะต้องมีกฎเกณฑ์และพิธีกรรมต่าง ๆ ที่แสดงว่าพระองค์
เป็นสมมติเทพ โดยมีพราหมณ์เป็นผู้ประกอบพระราชพิธีถวาย มีการใช้คำราชาศัพท์ มีกฎมณเฑียรบาล
มีเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ แสดงถึงฐานะความเป็นกษัตริย์ มีพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
จัดขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคงแก่สถาบันกษัตริย์ นอกจากนี้พระมหากษัตริย์จะต้องทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม
กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ได้กลายเป็นประเพณีสังคมไทยที่คนไทยต้องปฏิบัติต่อพระมหากษัตริย์
ด้วยความเคารพ พระมหากษัตริย์ของไทยจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยและทรงเป็นประมุขของอาณาจักรไทยตลอดมา การสร้างประเพณีการปกครองของคนไทยสมัยอยุธยา จึงเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยที่มีคุณค่าต่อสังคมไทยและสถาบันกษัตริย์ได้กลายเป็นสถาบันหลักที่สำคัญของชาติใน
ระยะต่อมาจนถึงปัจจุบัน